ชั้นคุณภาพ

คุณสมบัติ

CA

ใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลธรรมดา ปี 1940 - 1950 สภาวะการทำงาน เบาถึงปานกลาง มี สารเติมแต่งบ้างเล็กน้อย ชั้นคุณภาพนี้ไม่แนะนำแล้ว สำหรับเครื่องยนต์ปัจจุบัน

CB

ใช้กับเครื่องยนต์ดีเซล ปี 1949 - 1960 สภาวะการทำงาน เบาถึงปานกลาง มีการเติม สารเติมแต่งบ้างเล็กน้อย เพื่อป้องกันการกัดกร่อน มีสารชะล้าง และกระจายตะกอน ชั้นคุณภาพนี้ไม่แนะนำแล้ว สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลปัจจุบัน

CC

ใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลธรรมดา หรือที่ติดระบบแรงอัดอากาศซุปเปอร์ชาร์จ เทอร์โบชาร์จ ปี 1961 ใช้กับทุกสภาวะการทำงาน ปานกลาง ถึงหนักได้ มีคุณสมบัติป้องกันสนิม

CD

ใช้กับเครื่องยนต์ ปี 1955 ในสภาวะการทำงานหนัก ความเร็วรอบสูงขึ้น และสามารถ ใช้กับน้ำมันดีเซลที่มีค่ากำมะถันสูงได้ น้ำมันเครื่องจึงต้องมีการพัฒนาคุณสมบัติด้าน การป้องกันคราบสกปรก ชะล้าง และกระจายเขม่าได้ดี รวมทั้งป้องกันการสึกหรอ และ การกัดกร่อน

CD-II

สมรรถนะเทียบเท่า CD แต่ใช้กับเครื่องยนต์ดีเซล 2 จังหวะ ปี 1987

CE

ใช้กับเครื่องยนต์ ปี 1983 รองรับเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ ที่มีกำลังมากขึ้น อาจติดตั้ง ซุปเปอร์ชาร์จ หรือเทอร์โบชาร์จ สภาพการทำงานหนัก ภายใต้ความเร็วรอบต่ำ ภาระสูง (HIGH LOAD) โดยเพิ่มคุณสมบัติการรวมตัว กับอ๊อกซิเจน ป้องกันการเกิดคราบเขม่า ลดการสึกหรอ

CF-4

ประกาศใช้ ปี 1990 พัฒนาขึ้นแทนชั้นคุณภาพ CE เน้นสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลที่มี ความเร็วรอบสูง บรรทุกหนัก และวิ่งระยะไกล มีคุณสมบัติพิเศษในการควบคุม ความ สิ้นเปลืองของน้ำมันเครื่อง และควบคุมคราบสกปรกที่ลูกสูบ เข้มงวดกว่า CE แต่ API ได้ยุติการออกเครื่องหมายรับรองสำหรับชั้นคุณภาพนี้แล้ว ตั้งแต่ ปี 08 เนื่องจาก สามารถใช้น้ำมันเครื่องชั้นคุณภาพสูงกว่าแทนได้

CF-2

ใช้ปี 1994 ใช้แทน CD-II สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 2 จังหวะที่ใช้งานทั่วไป ป้องกันรอย ขีดข่วนในกระบอกสูบ แหวนลูกสูบ ป้องกันการเกิดคราบสกปรกได้ดี ปัจจุบัน API ได้ ประกาศยุติการรับรองขั้นคุณภาพนี้ตั้งแต่ ปี 2553 เนื่องจากเครื่องยนต์ DETROIT DIESEL 6V-92T และอะไหล่ชิ้นส่วนที่ใช้ทำสอบจัดหาได้ยากขึ้น

CF

ประกาศใช้ ปี 1994 เพื่อทดแทนชั้นคุณภาพ CD โดยสามารถใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลที่มี ห้องเผาไหม้แบบ INDIRECT INJECTION เครื่องยนต์ดีเซลธรรมดา ติดเทอร์โบ หรือ ซุปเปอร์ชาร์จ และสามารถใช้ได้กับน้ำมันดีเซล ทั้งที่มีค่ากำมะถันต่ำ และสูงกว่า 0.5% โดยน้ำหนัก มีคุณสมบัติควบคุมการเกิดคราบสกปรกที่ลูกสูบ ป้องกันการสึกหรอ และ การกัดกร่อนของแบริ่งได้ดี โดยเฉพาะแบริ่งที่มีทองแดงผสมอยู่

CG-4

ใช้ ปี 1994 สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลที่ใช้งานหนัก ความเร็วรอบสูง ใช้ได้กับน้ำมันดีเซล ที่มีค่ากำมะถันสูง มีคุณสมบัติลดคราบสกปรกที่ลูกสูบ เมื่อใช้งานอุณหภูมิสูง ป้องกัน การสึกหรอ การเกิดกันกร่อน ป้องกันการรวมตัวกับอ๊อกซิเจน และควบคุมการสะสม ของเขม่า น้ำมันเครื่องนี้ ถูกพัฒนาขึ้นสำหรับเครื่องยนต์ที่ผ่านมาตรฐานมลพิษไอเสีย ปี 1994 สามารถใช้ แทนน้ำมันเครื่องที่ใช้มาตรฐาน CD, CE, และ CF-4 ได้ แต่ API ได้ยุติการออกเครื่องหมายรับรองคุณภาพ ชั้นน้ำมันนี้ ตั้งแต่ 31 สค. 2009 (เพราะ อเมริกามีผลิตเครื่องยนต์รุ่นนี้แล้ว)

CH-4

ประกาศใช้เดือน ธค. ปี 1998 ใช้ได้กับน้ำมันเครื่องดีเซลที่มีค่ากำมะถันสูง เพิ่ม ประสิทธิภาพ จาก CG-4 ในด้านการควบคุมการกระจายเขม่า ลดคราบสกปรก ที่ ลูกสูบ เมื่องใช้งานอุณหภูมิสูง น้ำมันเครื่องนี้ ถูกพัฒนาสำหรับเครื่องยนต์ที่ผ่าน มาตรฐานมลพิษไอเสีย ปี 1998 สามารถใช้แทนน้ำมันเครื่องมาตรฐาน CD, CE, CF-4 และ CG-4 ที่ API- NON LICENSED ได้ (ที่ API ประกาศยุติการออกเครื่องหมาย รับรอง)

CI-4

ประกาศใช้วันที่ 5 กย. 2002 น้ำมันเครื่องชั้นคุณภาพนี้ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรับกับ มาตรฐานมลพิษ ปี 2004 เนื่องจากสถาบันสิ่งแวดล้อมอเมริกา (EPA) ได้กำหนด มาตรฐานไอเสียที่เข็มงวดขึ้น โดยลดปริมาณก๊าซไนโตรเจนอ๊อกไซด์ ลงครึ่งหนึ่งจาก ปี 1998 ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ต้องติดตั้งระบบกำจัดไอเสีย (EGR: EXHAUSE GAS RECIRCULATION) คือเป็นระบบที่นำไอเสียไปหมุนเวียนเผาไหม้ใหม่ เพื่อลดส่วน ผสมระหว่าอากาศ : เชื้อเพลิงในท่อร่วมไอดี เพื่อลดปริมาณอ๊อกซิเจ และอุณหภูมิ การเผาไหม้ลง ส่งผลให้การรวมตัวระหว่าง ไนโตรเจน กับ ออกซิเจน ลดลง แต่การ นำไอเสียมาหมุนเวียนใหม่ ทำให้เกิความร้อนเข้าสู่ระบบ ทำให้เครื่องยนต์มีอุณหภูมิ สูงขึ้น เขม่าสะสมมากขึ้น และเสื่อมสภาพเร็ว จึงมีการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเครื่อง ดดยการปรับปรุงคุณภาพด้านการชะล้าง ทำความสะอาด รักษาความสะอาดบริเวณ ลูกสูบ และร่องแหวน ให้ลดคราบเขม่าลง ควบคุมการกระจายเขม่า และต้านกรดที่ เกิดจากกำมะถันในน้ำมันเชื้อเพลิง ป้องกันการกัดกร่อนได้ และป้องกันการสึกหรอ ที่เกิดจากการเสียดสี บริเวณชุดขับเคลื่อนวาล์ว มีเสถียรภาพต่ออุณหภูมิการใช้งาน ทั้งสูงมากและต่ำมาก ให้คงความหนืดได้ดี

CI-4+

ใช้เดือน กย. 2004 เหมาะกับเครื่องยนต์ที่ติดตั้ง EGR เช่นเดียวกันกับ CI-4 ปรับปรุงเพิ่มขึ้นในด้านของการกระจายเขม่าได้ดีขึ้น และการต้านทาน การเพิ่มขึ้น ของความหนืดน้ำมัน

CJ-4

ใช้เดือน กย. 2006 มีกำหนดอัตราสูงต่ำของปริมาณ กำมะถัน (S), ฟอสฟอรัส (P) และปริมาณเถ้า เพิ่มเติม เพื่อปกป้องอุปกรณ์กำจัดมลพิษที่ติดตั้งมากับรถยนต์ และรองรับมาตรฐานมลพิษที่เข้มงวดขึ้น